Add parallel Print Page Options

ดาวิดสั่งเสียกับซาโลมอน

เมื่อถึงเวลาที่ดาวิดใกล้จะตาย เขาได้สั่งเสียกับซาโลมอนลูกชายเขาว่า “พ่อกำลังจะไปตามทางที่คนทั้งโลกต้องไปกัน ดังนั้น ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้เถิด และให้ทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าสั่งไว้ ให้เดินตามวิถีทางทั้งหลายของพระองค์ ให้รักษาข้อบังคับทั้งหลายของพระองค์ และพวกคำสั่งของพระองค์ รวมทั้งกฎต่างๆของพระองค์ และข้อตกลงทั้งหลายของพระองค์ ตามที่เขียนไว้ในกฎของโมเสส เพื่อเจ้าจะได้เจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำและในทุกๆแห่งที่เจ้าไป แล้วพระยาห์เวห์จะได้รักษาคำสัญญาของพระองค์ที่ให้กับพ่อว่า ‘ถ้าพวกลูกหลานของเจ้าให้ความสนใจกับเส้นทางชีวิตของเขา และใช้ชีวิตต่อหน้าเราด้วยความสัตย์ซื่ออย่างสุดจิตสุดใจ กษัตริย์ที่จะมานั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ก็จะมาจากครอบครัวของเจ้า’”

ดาวิดพูดอีกว่า “ที่นี้ เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ได้ทำยังไงกับพ่อ เขาได้ฆ่าแม่ทัพสองคนของกองทัพอิสราเอล คืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์และอามาสาลูกชายเยเธอร์ เขาทำให้เลือดของสองคนนี้ไหลนองในช่วงเวลาที่สงบสุขราวกับว่าเป็นช่วงสงคราม และเลือดนั้นได้เปื้อนเข็มขัดที่พันรอบเอวของเขาและรองเท้าที่เท้าทั้งสองข้างของเขาด้วย ให้เจ้าใช้สมองของเจ้าคิดดูว่าจะจัดการกับเขายังไง แต่อย่าให้หัวหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายอย่างสงบสุข

แต่ให้แสดงความเมตตากรุณากับพวกลูกชายของบารซิลลัย แห่งกิเลอาด และอนุญาตให้พวกเขาอยู่ในหมู่คนที่ได้นั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้า เพราะพวกเขาจงรักภักดีต่อพ่อตอนที่พ่อหลบหนีจากอับซาโลมพี่ชายของเจ้า

และให้จำไว้ว่า ชิเมอีลูกชายของเกรา ชาวเบนยามินจากเมืองบาฮูริมยังอยู่กับเจ้า เขาเคยตะโกนสาปแช่งพ่ออย่างหยาบคายในวันที่พ่อหนีไปเมืองมาหะนาอิม เมื่อเขาลงมาเพื่อพบพ่อที่แม่น้ำจอร์แดน พ่อเคยสาบานไว้กับเขาต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘เราจะไม่ฆ่าเจ้าตายด้วยดาบ’ แต่ตอนนี้ อย่าถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าคงรู้ว่าต้องทำยังไงกับเขา เจ้าจะต้องนำหัวหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายพร้อมกับเลือด”

ดาวิดตาย

(1 พศด. 29:26-28)

10 แล้วดาวิดก็ล่วงลับไปอยู่กับพวกบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาได้ถูกฝังไว้ในเมืองของดาวิด 11 เขาได้ปกครองอิสราเอลอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี คือได้ครอบครองในเฮโบรนอยู่เจ็ดปี และครอบครองในเยรูซาเล็มอยู่สามสิบสามปี

ซาโลมอนกุมอำนาจทั้งหมด

12 แล้วซาโลมอนได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ผู้เป็นพ่อของเขา และได้กุมอำนาจทั้งสิ้นในอาณาจักรของเขา

13 ในเวลานั้นอาโดนียาห์ลูกชายของนางฮักกีทได้ไปหานางบัทเชบาแม่ของซาโลมอน นางบัทเชบาถามเขาว่า “นี่เจ้ามาอย่างสันติหรือเปล่า”

เขาตอบว่า “ใช่แล้ว ข้าพเจ้ามาอย่างสันติ” 14 แล้วเขาก็พูดว่า “ข้าพเจ้ามีเรื่องบางอย่างจะพูดกับท่าน”

นางตอบว่า “พูดไปสิ”

15 เขาพูดว่า “อย่างที่ท่านรู้แล้วว่า อาณาจักรนี้เคยเป็นของข้าพเจ้ามาก่อน ตอนนั้นคนอิสราเอลทั้งหมดอยากให้ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา แต่แล้วสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป และอาณาจักรนี้ก็ตกไปอยู่ในมือน้องชายของข้าพเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ได้ยกมันให้กับเขา 16 ตอนนี้ ข้าพเจ้าอยากขอร้องท่านอย่างหนึ่ง ขออย่าได้ปฏิเสธข้าพเจ้าเลย”

นางพูดว่า “พูดไปสิ”

17 เขาจึงพูดว่า “โปรดช่วยขอกับกษัตริย์ซาโลมอนว่าให้ยกนางอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นเมียข้าพเจ้าด้วย เขาจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก”

18 นางบัทเชบาตอบว่า “ได้สิ เราจะพูดกับกษัตริย์ให้เจ้า”

19 เมื่อนางบัทเชบาไปพบกษัตริย์ซาโลมอน เพื่อจะไปพูดเรื่องของอาโดนียาห์ กษัตริย์ได้ลุกขึ้นเพื่อมาพบนางและก้มทำความเคารพนาง และนั่งลงบนบัลลังก์ของเขา เขามีบัลลังก์อยู่ที่หนึ่งสำหรับให้แม่กษัตริย์นั่ง และนางได้นั่งลงที่ข้างขวาของเขา

20 นางพูดว่า “แม่มีเรื่องเล็กๆอยากขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง ขออย่าได้ปฏิเสธแม่เลย”

กษัตริย์ตอบว่า “ว่ามาเถิด แม่ ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก”

21 นางจึงพูดว่า “ยกนางอาบีชากชาวชูเนมให้แต่งงานกับอาโดนียาห์พี่ชายของเจ้าเถิด”

22 กษัตริย์ซาโลมอนตอบแม่ของเขาว่า “ทำไมแม่ถึงได้ขอนางอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เล่า อย่างนี้ก็เท่ากับขอให้ลูกยกอาณาจักรให้กับเขาไปด้วย อย่าลืมว่าเขาเป็นพี่ชายคนโตและนักบวชอาบียาธาร์และโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ก็อยู่ฝ่ายเขาด้วย”

23 แล้วกษัตริย์ซาโลมอนได้สาบานโดยอ้างพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าอาโดนียาห์ไม่ได้ชดใช้การขอร้องครั้งนี้ด้วยชีวิตของเขา ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษข้าพเจ้าอย่างรุนแรง 24 พระยาห์เวห์ผู้ที่ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าให้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของดาวิดพ่อของข้าพเจ้า และผู้ที่ได้สร้างราชวงศ์ของข้าพเจ้าขึ้นมาตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน วันนี้อาโดนียาห์จะต้องตายอย่างแน่นอนขนาดนั้น”

25 กษัตริย์ซาโลมอนจึงออกคำสั่งกับเบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดา และเขาก็ไปฆ่าอาโดนียาห์

26 กษัตริย์พูดกับนักบวชอาบียาธาร์ว่า “กลับไปยังที่นาของเจ้าในอานาโธท เจ้ามันสมควรตาย แต่เราจะไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้เพราะว่าเจ้าเคยเป็นผู้ถือหีบของพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต[a] ต่อหน้าดาวิดผู้เป็นพ่อของเราและเคยลำบากร่วมกับพ่อของเรามาก่อน” 27 ซาโลมอนจึงปลดอาบียาธาร์ออกจากตำแหน่งนักบวชของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยพูดไว้เกี่ยวกับครอบครัวเอลีที่ชิโลห์

28 เมื่อข่าวรู้มาถึงหูโยอาบซึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาโดนียาห์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่วมมือกับอับซาโลม เขาก็ได้หลบหนีเข้าไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ และไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชาไว้[b] 29 เมื่อมีคนไปบอกกษัตริย์ซาโลมอนว่า โยอาบหลบหนีไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ และไปอยู่ที่ด้านข้างของแท่นบูชา ซาโลมอนจึงสั่งเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาว่า “ไปฆ่าเขาซะ”

30 เบไนยาห์จึงเข้าไปในเต็นท์ของพระยาห์เวห์ และพูดกับโยอาบว่า “กษัตริย์สั่งว่า ‘ออกมาเดี๋ยวนี้’”

แต่เขาตอบว่า “ไม่ เราจะตายอยู่ที่นี่”

เบไนยาห์จึงไปรายงานกับกษัตริย์ถึงสิ่งที่โยอาบตอบ 31 แล้วกษัตริย์ก็ได้สั่งเบไนยาห์ว่า “ไปทำตามที่เขาพูดได้เลย ให้ฆ่าเขาและฝังเขาเสีย เพื่อว่าครอบครัวของเราและตัวเราจะได้ไม่ต้องรับผิดด้วยกันกับโยอาบที่ไปฆ่าคนบริสุทธิ์ 32 พระยาห์เวห์จะทำให้การนองเลือดที่เขาได้ทำนั้นกลับมาตกลงบนหัวของเขาเอง เพราะเขาได้ทำร้ายคนสองคนที่ชอบธรรมและดีกว่าเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเราไม่รู้ คืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์ซึ่งเป็นแม่ทัพของอิสราเอล และอามาสาลูกชายของเยเธอร์ผู้เป็นแม่ทัพของยูดาห์ 33 ขอให้ความผิดแห่งเลือดของพวกเขานี้ ตกอยู่บนหัวของโยอาบและลูกหลานของโยอาบตลอดไป แต่ขอให้ดาวิดและลูกหลานของเขา ครอบครัวและบัลลังก์ของเขา ได้รับสันติสุขจากพระยาห์เวห์ตลอดไป”

34 เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาจึงขึ้นไปฆ่าโยอาบและฝังศพเขาไว้ในที่ดินของโยอาบเองในถิ่นแห้งแล้ง 35 กษัตริย์ซาโลมอนได้แต่งตั้งให้เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาขึ้นเป็นแม่ทัพแทนโยอาบและแต่งตั้งนักบวชศาโดกขึ้นแทนอาบียาธาร์ 36 แล้วกษัตริย์ก็ได้ส่งคนไปหาชิเมอีและบอกกับเขาว่า “ให้สร้างบ้านของตัวเจ้าเองขึ้นในเมืองเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น ห้ามออกไปที่อื่นอีก 37 วันใดที่เจ้าออกมาและข้ามลำธารแห้งขิดโรนไป เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของเจ้าเอง[c]

38 ชิเมอีตอบกษัตริย์ไปว่า “สิ่งที่ท่านพูดมานั้นก็ยุติธรรม ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านจะทำตามที่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้พูดไว้” และชิเมอีก็ได้อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน 39 แต่อีกสามปีต่อมา ทาสสองคนของชิเมอีหลบหนีไปหากษัตริย์อาคีชแห่งเมืองกัทลูกชายของมาอาคาห์ และมีคนมาบอกชิเมอีว่า “ตอนนี้ ทาสทั้งสองคนของท่านอยู่ในเมืองกัท” 40 อย่างนั้น ชิเมอีจึงผูกอานบนลาของเขาและไปหากษัตริย์อาคีชที่เมืองกัท เพื่อตามหาทาสสองคนของเขา ชิเมอีก็ได้ออกไปและนำตัวทาสทั้งสองคนของเขากลับมาจากเมืองกัท

41 เมื่อซาโลมอนรู้เรื่องว่าชิเมอีได้ออกไปจากเยรูซาเล็มไปเมืองกัทและได้กลับมาแล้ว 42 กษัตริย์จึงเรียกตัวชิเมอีมาและพูดกับเขาว่า “เราเคยให้เจ้าสาบานไว้กับพระยาห์เวห์ และเตือนเจ้ามาก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ‘ในวันที่เจ้าจากไปและไปที่ไหนก็ตาม ให้แน่ใจได้เลยว่ามันจะเป็นวันตายของเจ้า’ และในเวลานั้น เจ้าก็พูดกับเราว่า ‘สิ่งที่ท่านพูดนั้นยุติธรรม ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังท่าน’ 43 แล้วทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้ไว้กับพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังคำสั่งที่เราได้ให้เจ้าไว้เล่า” 44 กษัตริย์พูดกับชิเมอีด้วยว่า “เจ้าก็รู้อยู่เต็มอก ในเรื่องความผิดที่เจ้าเคยทำไว้กับดาวิดผู้เป็นพ่อของเรา ตอนนี้พระยาห์เวห์จะตอบแทนเจ้าสำหรับความผิดที่เจ้าได้ทำลงไป 45 แต่กษัตริย์ซาโลมอนจะได้รับการอวยพร และบัลลังก์ของดาวิดก็จะยังปลอดภัยอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ตลอดไป”

46 แล้วกษัตริย์ก็ออกคำสั่งให้เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดานำตัวชิเมอีออกไปฆ่า อย่างนี้ อาณาจักรนี้ก็ได้ตั้งมั่นคงอยู่ภายใต้การปกครองของซาโลมอน

Footnotes

  1. 2:26 หีบของพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต หรือ “หีบศักดิ์สิทธิ์” หรือ “หีบข้อตกลง” เป็นหีบที่บรรจุบรรดาแผ่นหินที่มีบัญญัติ 10 ประการเขียนไว้ รวมทั้งสิ่งของต่างๆที่จะพิสูจน์ว่าพระเจ้าได้อยู่กับประชาชนชาวอิสราเอลตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ในทะเลทรายซีนาย
  2. 2:28 จับที่เชิงงอนของแท่นบูชาไว้ แสดงว่าเขากำลังขอความเมตตา ในกฎบอกไว้ว่าถ้าคนผู้หนึ่งวิ่งเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชาแล้ว เขาจะไม่ถูกทำโทษ
  3. 2:37 เจ้าจะต้อง … ของเจ้าเอง หรือแปลตรงๆได้ว่า “เลือดของเจ้าจะตกลงบนหัวของเจ้า”