Add parallel Print Page Options

พระเยซูเกิด

(มธ. 1:18-25)

ในเวลานั้นจักรพรรดิ[a]ออกัสตัส[b] ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนทั่วทั้งอาณาจักรโรมันกลับไปบ้านเกิดของตนเพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัว[c] ครั้งนี้เป็นการจดทะเบียนสำมะโนครัวครั้งแรก เกิดขึ้นในสมัยคีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย ทุกคนจึงกลับไปที่บ้านเกิดของตน

โยเซฟซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด จึงต้องออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธ ในแคว้นกาลิลี ไปเมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์ดาวิด เขาพามารีย์คู่หมั้นของเขาซึ่งตั้งท้องอยู่ไปด้วย เพื่อไปจดทะเบียนสำมะโนครัวด้วยกัน ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นั่นก็ถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดลูก มารีย์คลอดลูกเป็นผู้ชาย นางจึงเอาผ้าอ้อมพันเด็กทารกนั้นวางไว้บนรางหญ้า เพราะไม่มีที่ไหนว่างให้พวกเขาพักเลย

คนเลี้ยงแกะได้ยินข่าวเรื่องพระเยซู

ที่ทุ่งหญ้านอกหมู่บ้านมีคนเลี้ยงแกะที่กำลังดูแลฝูงแกะอยู่ในตอนกลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์เจ้าชีวิตมาปรากฏตัวให้พวกเขาเห็น และรัศมีขององค์เจ้าชีวิตส่องสว่างล้อมรอบพวกเขา พวกเขาตกใจกลัวมาก 10 แต่ทูตสวรรค์พูดว่า “ไม่ต้องกลัว เรามีข่าวดีมาบอก เป็นข่าวที่จะทำให้ทุกคนยินดีร่าเริง 11 เพราะวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดมาเกิดแล้วที่เมืองของดาวิด พระองค์คือพระคริสต์องค์เจ้าชีวิต 12 สิ่งที่จะบอกให้เจ้ารู้ว่าเป็นพระองค์คือ เจ้าจะพบเด็กทารกที่นอนอยู่ในรางหญ้าและมีผ้าอ้อมห่อตัวไว้”

13 ในทันใดนั้นก็มีทูตสวรรค์หมู่ใหญ่ลงมาจากสวรรค์ มารวมกับทูตสวรรค์องค์แรกนั้น และพากันร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า

14 “สรรเสริญพระเจ้าบนสวรรค์สูงสุด
    และขอให้คนที่พระเจ้าภูมิใจได้รับสันติสุขในโลกนี้”

15 เมื่อทูตสวรรค์กลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ไปเมืองเบธเลเฮมกันเถอะ จะได้ไปดูสิ่งที่องค์เจ้าชีวิตบอกกับพวกเรา”

16 พวกเขารีบไป และได้พบมารีย์กับโยเซฟพร้อมกับเด็กทารกนอนอยู่ในรางหญ้า 17 เมื่อเห็นเด็กทารกแล้ว พวกเขาก็เล่าให้คนที่อยู่ที่นั่นฟังว่าทูตสวรรค์พูดอะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้ 18 เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้น ก็ประหลาดใจมาก 19 แต่มารีย์ก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจและนึกถึงเรื่องนี้อยู่เสมอๆ 20 เมื่อคนเลี้ยงแกะกลับไปแล้ว พวกเขาก็ยกย่องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นมา ซึ่งเกิดขึ้นจริงตามที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้

21 เมื่อเด็กเกิดมาครบแปดวันก็ได้เข้าพิธีขลิบ และได้ชื่อว่า “เยซู” ซึ่งเป็นชื่อที่ทูตสวรรค์บอกมารีย์ไว้ก่อนที่จะตั้งท้อง

ถวายเด็กน้อยเยซูในวิหาร

22 ตามกฎของโมเสสคนที่เพิ่งคลอดลูกจะมีเวลาสี่สิบวันสำหรับชำระตัวให้สะอาดตามหลักศาสนา[d] เมื่อครบกำหนดนี้แล้ว พวกเขาก็ได้พาพระเยซูไปที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อถวายพระเยซูให้กับองค์เจ้าชีวิต[e] 23 เพราะกฎขององค์เจ้าชีวิตบอกว่า “ถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชาย จะต้องยกเด็กคนนั้นให้องค์เจ้าชีวิต”[f] 24 แล้วพวกเขาถวายเครื่องบูชาตามกฎขององค์เจ้าชีวิตคือ นกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัว[g]

สิเมโอนเห็นพระเยซู

25 มีชายคนหนึ่งชื่อสิเมโอนอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เขาเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้าและเคร่งศาสนา เขาเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรพระเจ้าจะมาช่วยเหลือชาวอิสราเอล พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่กับเขา 26 พระองค์บอกเขาว่า เขาจะได้เห็นพระคริสต์ขององค์เจ้าชีวิตก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์พาเขามาที่วิหารในวันเดียวกับที่มารีย์และโยเซฟพาลูกน้อยเยซูมาทำพิธีต่างๆตามกฏที่โมเสสสั่งให้ทำกับเด็กแรกเกิด 28 สิเมโอนก็อุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า

29 “ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ตอนนี้ขอให้ปลดปล่อยทาสคนนี้ให้ไปเป็นสุขได้แล้ว ตามที่พระองค์ได้บอกไว้
30 เพราะดวงตาของข้าพเจ้าได้เห็นความรอด[h]
31 ที่พระองค์เตรียมไว้แล้วให้ชนชาติทั้งหลายได้เห็น
32 พระองค์เป็นแสงสว่างที่ส่องให้กับคนที่ไม่ใช่ยิวเห็นทางของพระองค์
    และนำเกียรติอันยิ่งใหญ่มาให้กับคนของพระองค์”

33 โยเซฟกับมารีย์งุนงงมากที่สิเมโอนพูดอย่างนั้นเกี่ยวกับทารกน้อย 34 แล้วสิเมโอนอวยพรพวกเขา และพูดกับนางมารีย์แม่ของทารกน้อยว่า “พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นเหตุให้คนอิสราเอลมากมายต้องล้มลงหรือลุกขึ้น เด็กคนนี้จะเป็นสัญญาณเตือนจากพระเจ้าให้รู้ถึงความต้องการของพระองค์ แต่คนจำนวนมากจะต่อต้านเขา 35 สิ่งนี้เลยเปิดโปงความคิดในใจของคนพวกนี้ เรื่องนี้จะทำให้คุณทุกข์ใจมากเหมือนมีดาบทิ่มเข้าไปในใจของคุณ”

อันนาเห็นพระเยซู

36 อันนาซึ่งเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่ง เป็นลูกสาวของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ นางแก่มากแล้ว หลังจากอยู่กินกับสามีได้เพียงเจ็ดปี 37 สามีก็ตาย และนางก็อยู่เป็นม่ายมาจนถึงอายุแปดสิบสี่ปี นางไม่เคยออกไปจากวิหารเลย นางนมัสการพระเจ้าทั้งวันทั้งคืนด้วยการอธิษฐานและถือศีลอดอาหาร 38 นางได้เข้ามาหาพวกเขา เริ่มสรรเสริญพระเจ้า และเล่าเรื่องเด็กทารกคนนี้ให้กับทุกคนที่รอคอยเวลาที่เมืองเยรูซาเล็มจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ

โยเซฟและมารีย์กลับบ้าน

39 เมื่อพวกเขาทำทุกอย่างตามกฎขององค์เจ้าชีวิตแล้ว พวกเขาก็เดินทางกลับไปเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 40 แล้วเด็กน้อยก็ได้เติบโต มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีความเฉลียวฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆและพระเจ้าอวยพรเขา

ตอนพระเยซูเป็นเด็ก

41 ทุกๆปี พ่อแม่ของพระเยซูจะไปเมืองเยรูซาเล็มเพื่อร่วมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อย 42 เมื่อพระเยซูอายุสิบสองปี พวกเขาได้ไปร่วมฉลองเทศกาลเหมือนทุกปี 43 เมื่อหมดเทศกาลแล้ว พวกเขาก็เดินทางกลับบ้าน แต่เด็กน้อยเยซูยังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม โดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้ 44 เพราะคิดว่าพระองค์อยู่กับกลุ่มคนที่เดินทางมาด้วยกัน เมื่อผ่านไปหนึ่งวันแล้ว พวกเขาเริ่มหาเด็กน้อยเยซูในกลุ่มญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง 45 แต่ก็หาไม่พบ จึงกลับไปตามหาในเมืองเยรูซาเล็ม 46 สามวันต่อมาพวกเขาก็มาพบพระเยซูกำลังนั่งอยู่กับพวกครูสอนกฎปฏิบัติในวิหาร พระองค์กำลังตั้งคำถามกับพวกเขาอยู่ 47 คนที่ได้ยินพระองค์พูด ก็ทึ่งในความเข้าใจและคำตอบของพระองค์ 48 เมื่อพ่อแม่เห็นพระองค์ก็แปลกใจ แม่ของพระองค์ก็พูดว่า “ลูก ทำไมทำกับพ่อแม่อย่างนี้ พ่อแม่เป็นห่วงแทบแย่ เที่ยวตามหาลูกไปจนทั่วทุกที่” 49 พระเยซูก็ตอบว่า “ตามหาลูกทำไมครับ แม่ไม่รู้หรือครับว่าลูกจะต้องอยู่ในบ้านพ่อ” 50 แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าพระองค์พูดเรื่องอะไร

51 พระเยซูกลับไปเมืองนาซาเร็ธ และอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ แม่ของพระองค์ก็เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ 52 พระเยซูเจริญเติบโตขึ้นทางด้านสติปัญญาและร่างกาย ทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของพระเจ้าและต่อคนทั่วไปมากขึ้น

Footnotes

  1. 2:1 จักรพรรดิ หรือซีซาร์ คือตำแหน่งที่ใช้เรียกผู้ปกครองอาณาจักรโรมัน
  2. 2:1 จักรพรรดิออกัสตัส ปกครองในปี ก่อนค.ศ. 31-ค.ศ. 14 หรือ ปี พ.ศ. 512-557
  3. 2:1 จดทะเบียนสำมะโนครัว หมายถึงการนับประชาชนทั้งหมดและสิ่งของที่พวกเขาเป็นเจ้าของ
  4. 2:22 สะอาดตามหลักศาสนา กฎของโมเสสบอกให้ผู้หญิงชาวยิวทุกคนที่คลอดลูกได้สี่สิบวันแล้ว จะต้องทำพิธีชำระตัวให้บริสุทธิ์ที่วิหาร อ้างจากหนังสือเลวีนิติ 12:28
  5. 2:22 ข้อนี้แปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “เมื่อถึงเวลาที่มารีย์และโยเซฟจะต้องทำตามกฎของโมเสสเกี่ยวกับการชำระตัวของแม่ที่เพิ่งคลอดลูก”
  6. 2:23 ถ้าลูกคนแรก … องค์เจ้าชีวิต อ้างจากหนังสือ อพยพ 13:2
  7. 2:24 อ้างจากหนังสือ เลวีนิติ 12:8
  8. 2:30 ความรอด เป็นชื่อของพระเยซู แปลว่า “พระยาห์เวห์ช่วยให้รอด”

การประสูติของพระเยซูคริสต์

ครั้งนั้นซีซาร์ออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ทำทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งจักรวรรดิโรมัน (นี่เป็นการขึ้นทะเบียนครั้งแรกในสมัยที่คีรินิอัสเป็นผู้ว่าการแคว้นซีเรีย) ทุกคนต่างไปยังเมืองของตนเพื่อขึ้นทะเบียน

ดังนั้นโยเซฟจึงเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีขึ้นไปยังเบธเลเฮมเมืองของดาวิดในแคว้นยูเดีย เพราะเขาสืบเชื้อสายมาจากดาวิด เขาไปขึ้นทะเบียนที่นั่นกับมารีย์คู่หมั้นซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ขณะพวกเขาอยู่ที่นั่นก็ถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร นางให้กำเนิดบุตรชายหัวปี นางเอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้าเพราะในบ้านไม่มีที่ว่างให้พวกเขา

คนเลี้ยงแกะกับทูตสวรรค์

และในแถบนั้นมีคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งเฝ้าฝูงแกะของเขายามค่ำคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏ และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบพวกเขาทำให้คนเหล่านั้นตกใจกลัวยิ่งนัก 10 แต่ทูตนั้นกล่าวแก่พวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เรานำข่าวดีมา เป็นความเปรมปรีดิ์ใหญ่หลวงสำหรับคนทั้งปวง 11 ในวันนี้ที่เมืองของดาวิดองค์พระผู้ช่วยให้รอดได้มาบังเกิดเพื่อท่าน พระองค์คือพระคริสต์[a]ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า 12 นี่เป็นหมายสำคัญแก่ท่าน คือท่านจะพบพระกุมารพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”

13 ทันใดนั้นมีชาวสวรรค์หมู่ใหญ่มาปรากฏพร้อมกับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าและกล่าวว่า

14 “ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด
และสันติสุขจงมีแก่มวลมนุษย์บนโลก
ผู้ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปราน”

15 เมื่อเหล่าทูตสวรรค์จากพวกเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมและดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งแก่เรา”

16 ดังนั้นพวกเขาจึงรีบรุดมาและพบมารีย์ โยเซฟ กับพระกุมารซึ่งนอนอยู่ในรางหญ้า 17 เมื่อพวกเขาได้เห็นพระองค์แล้วก็กระจายข่าวเรื่องที่ทูตสวรรค์นั้นมาบอกเกี่ยวกับพระกุมาร 18 และคนทั้งปวงที่ได้ยินก็ประหลาดใจในสิ่งที่คนเลี้ยงแกะกล่าวแก่พวกเขา 19 ส่วนมารีย์เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ใคร่ครวญอยู่ในใจ 20 คนเลี้ยงแกะกลับไปและยกย่องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นซึ่งเป็นเหมือนที่ทูตสวรรค์ได้แจ้งพวกเขาทุกประการ

ถวายพระกุมารในพระวิหาร

21 เมื่อครบแปดวันก็ได้เวลาที่พระกุมารต้องเข้าสุหนัต พวกเขาตั้งชื่อพระองค์ว่า เยซู ซึ่งเป็นชื่อที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้ตั้งแต่ยังไม่ทรงปฏิสนธิ

22 เมื่อครบกำหนดเวลาการชำระตัวของมารีย์ตามบทบัญญัติของโมเสสแล้ว โยเซฟกับมารีย์ก็นำพระกุมารมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 23 (ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “บุตรชายหัวปีทุกคนต้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”[b]) 24 และถวายเครื่องบูชาตามที่กล่าวไว้ในหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือ “นกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัว”[c]

25 มีชายคนหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็มชื่อสิเมโอน เขาเป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขากำลังรอคอยเวลาที่ชนอิสราเอลจะได้รับการปลอบประโลมและพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเขา 26 พระวิญญาณได้ทรงสำแดงแก่เขาว่าเขาจะได้เห็นพระคริสต์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าส่งมาก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเขามายังลานพระวิหาร เมื่อบิดามารดานำพระกุมารเยซูมาประกอบพิธีให้แก่พระองค์ตามธรรมเนียมที่บทบัญญัติกำหนดไว้ 28 สิเมโอนก็อุ้มพระกุมารและสรรเสริญพระเจ้าว่า

29 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้
บัดนี้พระองค์ทรงให้[d]ผู้รับใช้ของพระองค์ไปอย่างเป็นสุข
30 เพราะตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์
31 ความรอดซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าประชากรทั้งปวง
32 เป็นแสงสว่างเพื่อสำแดงแก่คนต่างชาติ
และเพื่อเป็นศักดิ์ศรีแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์”

33 บิดามารดาของพระกุมารก็ประหลาดใจในถ้อยคำที่เขากล่าวเกี่ยวกับพระกุมาร 34 จากนั้นสิเมโอนอวยพรพวกเขาและกล่าวกับมารีย์มารดาของพระองค์ว่า “พระกุมารนี้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นสาเหตุของการล้มลงหรือลุกขึ้นของชาวอิสราเอลจำนวนมากและถูกกำหนดให้เป็นหมายสำคัญที่จะถูกต่อต้าน 35 เพื่อความคิดในใจของคนเป็นอันมากจะถูกเปิดเผยและดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่านเองด้วย”

36 ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา บุตรีฟานูเอลตระกูลอาเชอร์ นางชรามาก นางอยู่กินกับสามีได้เจ็ดปี 37 แล้วเป็นม่ายมาจนถึงอายุ 84 ปี[e] นางไม่เคยออกจากพระวิหารเลยทุกวันคืน เฝ้านมัสการ อดอาหาร และอธิษฐาน 38 ขณะนั้นนางเข้ามาหาพวกเขาแล้วขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้บรรดาผู้ที่รอคอยการไถ่กรุงเยรูซาเล็มฟัง

39 เมื่อโยเซฟกับมารีย์ได้ทำทุกอย่างครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาทั้งสองก็กลับมายังนาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี 40 และพระกุมารทรงเติบโตแข็งแรง เปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือพระองค์

พระกุมารเยซูที่พระวิหาร

41 บิดามารดาของพระองค์จะไปกรุงเยรูซาเล็มทุกปีเพื่อร่วมเทศกาลปัสกา 42 เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบสองพรรษา พวกเขาก็มาร่วมเทศกาลตามธรรมเนียม 43 เมื่อเทศกาลสิ้นสุดลงแล้ว ขณะบิดามารดาของพระองค์กำลังเดินทางกลับบ้านพระกุมารเยซูยังอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาไม่รู้ 44 คิดว่าทรงอยู่ในกลุ่มคนที่มาด้วยกัน เมื่อเดินทางมาได้หนึ่งวันเขาก็เริ่มหาพระกุมารในหมู่ญาติมิตร 45 เมื่อไม่พบพระองค์ พวกเขาก็กลับไปค้นหาที่กรุงเยรูซาเล็ม 46 สามวันต่อมาจึงพบพระกุมารที่ลานพระวิหาร พระองค์ทรงนั่งอยู่ในหมู่อาจารย์ กำลังฟังและซักถามอาจารย์เหล่านั้น 47 ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ล้วนประหลาดใจในความเข้าใจและคำตอบของพระองค์ 48 เมื่อบิดามารดาเห็นพระองค์ก็ประหลาดใจ มารดาจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมทำกับเราอย่างนี้? พ่อกับแม่ร้อนใจเที่ยวตามหาลูกอยู่”

49 พระกุมารตรัสว่า “ตามหาเราทำไม? ไม่รู้หรือว่าเราต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดาของเรา?” 50 แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสกับพวกเขา

51 แล้วพระกุมารก็กลับมายังเมืองนาซาเร็ธกับพวกเขาและทรงอยู่ในโอวาทของพวกเขา ส่วนมารดาเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ 52 และพระเยซูทรงเติบโตขึ้นทั้งในด้านสติปัญญาและด้านร่างกายและทรงเป็นที่ชื่นชมทั้งของพระเจ้าและของคนทั้งหลาย

Footnotes

  1. 2:11 หรือพระเมสสิยาห์ทั้งคำว่า “พระคริสต์” (เป็นคำกรีก) และ “พระเมสสิยาห์” (เป็นคำฮีบรู) แปลว่า “ผู้ที่ทรงเจิมตั้งไว้” เช่นเดียวกับข้อ 26
  2. 2:23 อพย.13:2,12
  3. 2:24 ลนต.12:8
  4. 2:29 หรือทรงสัญญาไว้ / บัดนี้ขอให้
  5. 2:37 หรือเป็นม่ายมานาน 84 ปี